ตลาดนัดเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและสามารถสร้างรายได้มหาศาลได้ บทความนี้เราจะนำเสนอเคล็ดลับการทำตลาดนัดให้ประสบความสำเร็จ โดยใช้กรณีศึกษา ระบบจัดการตลาด JODD Fairs ตลาดนัดชื่อดังของเมืองไทย
ตลาดนัดเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและสามารถสร้างรายได้มหาศาลได้ เพราะเป็นธุรกิจที่เข้าถึงผู้คนได้อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าคนรวยหรือคนจนต่างก็มีโอกาสได้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาดนัด ตัวอย่างของเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จจากการทำตลาดนัด ได้แก่ คุณตัน ภาสกรนที และคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี
หากมองในมุมของอสังหาริมทรัพย์แล้ว การทำกำไรจากอสังหามีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ
การได้ค่าเช่าสูงจากการประกอบธุรกิจ (คอนโด อพาร์ทเม้น โรงแรม)
ผลตอบแทนจากการเติบโตสูง (ที่ดิน)
หากเรานำวิธีสร้างผลตอบแทนทั้งสองมารวมกันจะเกิดอะไรขึ้น นั่นก็คือ “การทำตลาดนัด” 🤩
การทำตลาดนัดเป็นหนึ่งในธุรกิจอสังหาที่ถ้าเทียบกับการลงทุนอื่น ๆ แล้วใช้ทุนไม่เยอะเท่า แต่ให้ผลตอบแทนหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาศักยภาพที่ดินให้เป็นจุดศูนย์กลางของการสร้างความเจริญ เพราะตลาดเป็นสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้พื้นที่บริเวณนั้นมีความเจริญมากขึ้น ดึงดูดผู้คนและธุรกิจอื่นๆ เข้ามาในพื้นที่มากขึ้นอีกด้วย
ข้อดีของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยการสร้างตลาด ได้แก่
1.พื้นที่ของเรากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
2.ได้รับค่าเช่าแผง
3.ดึงดูดผู้คนเข้ามาในพื้นที่ ต่อยอดโดยการสร้างที่เช่าอาศัยอื่น ๆ ได้
หนึ่งในตลาดนัดที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศไทย ได้แก่ ‘JODD Fairs’ ซึ่งปั้นมากับมือของเจ้าพ่อตลาดกลางคืนอย่าง คุณไพโรจน์ ร้อยแก้ว ที่ปั้นตลาดมาหลายตลาด เป็นคีย์สำคัญของการพัฒนา Street Food ให้โด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ในระยะเวลาแค่ 2 ปี คุณไพโรจ์ขยายสาขาตลาดนัดของเขาได้ถึง 2 สาขา ได้แก่ที่พระราม 9 และแดนเนรมิต มีร้านค้ารวมกันกว่า 3,000 ล็อก 💎
⭕️ ความสำเร็จของ JODD Fairs มาจาก ระบบจัดการตลาด 5 ข้อ ดังนี้
👉 กล้าที่จะต่าง
คุณไพโรจน์มองว่าสิ่งสำคัญในการทำตลาดให้ประสบความสำเร็จ คือ ‘ความกล้าและจังหวะเวลา’
ในสมัยเริ่มต้นสิ่งที่ทำให้ตลาดของคุณไพโรจน์โดดเด่นคือสถาปัตยกรรม คุณไพโรจน์มองว่าในช่วงนั้นตลาดของเขามีจุดเด่นคือสถาปัตยกรรมที่สวย เหมาะแก่การถ่ายทำโฆษณาหรือมิวสิควิดีโอ เป็นยุคที่ออฟไลน์กำลังจะเข้าสู่ออนไลน์ แม้ว่าที่ตรงที่เขาไปเริ่มทำตลาดจะไม่ใช่พื้นที่ที่คนพลุกพล่าน แต่คุณไพโรจน์เริ่มโดยการมองว่าสถานที่ตรงนั้นมันสวยสำหรับเขา จากนั้นจึงค่อยเติมแต่งอะไรลงไป เพื่อไปต่อในวันข้างหน้า
👉 วิ่งหาลูกค้า (พ่อค้าแม่ค้า)
ในช่วงเปิด JODD Fairs แรก ๆ คุณไพโรจน์เล่าว่าเขามีความกลัวว่าสถานการณ์การระบาดของโควิดอาจเปลี่ยนทำให้คนตลาดที่เคยมีคนมาเดิน มาขาย ไม่กล้ามาเดินมาขาย ตอนนั้นคุณไพโรจน์ตั้งเป้าว่าต้องมีร้านค้าสักประมาณ 50% โดยวิธีของเขาตอนนั้นก็คือโทรไปหาพ่อค้าแม่ค้าที่เคยร่วมงานด้วย ชวนมาเปิดตลาดด้วย แม้เปิดไปสักพักหนึ่งจะเกิดการระบาดของโอมิครอนอีก คุณไพโรจน์ก็ประคับประคองตลาดจนถึงตอนนี้ JODD Fairs กลายเป็นหมุดหมายของลูกค้าทั่วโลก
👉 ร้านค้าที่มาเปิดต้องมีการตกแต่งและมีแพคเกจที่น่าสนใจ
ในการทำตลาดให้ประสบความสำเร็จในยุคนี้ นอกจากรสชาติที่ต้องอร่อยแล้ว การทำของกินให้น่ากิน น่าถ่ายรูปน่าแชร์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณไพโรจน์ให้ความสำคัญ และเป็นจุดแรกที่คุณไพโรจน์จะใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกพ่อค้าแม่ค้าของเขา คุณไพโรจน์เล่าว่า ในบางครั้งหากมีพ่อค้าแม่ค้าที่มาลงขายของกับเขาแล้วมีปัญหาตรงนี้ตรงนั้น คุณไพโรจน์จะมีทีม ‘แพทย์สนาม’ ลงไปตรวจและให้คำแนะนำ คุณไพโรจน์มองว่าการทำแบบนี้จะเป็นการช่วยกันทั้งสองฝ่าย โดยหนึ่งในแอปที่คุณไพโรจน์แนะนำพ่อค้าแม่ค้าเลยก็คือ ‘Pinterest’ เพราะมันมีภาพมีไอเดียมากมายในนั้น
👉 แก้ปัญหาและอำนวยความสะดวกสบายให้กับพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้า
คุณไพโรจน์ให้สัมภาษณ์ใน The Cloud ว่าไม่ใช่ทุกตลาดที่เขาทำแล้วจำประความสำเร็จมีตลาดที่นึง คือตลาดรถไฟ ที่เกษตรนวมิน ตลาดนั้นคุณไพโรจน์บอกว่าไม่ประสบความสำเร็จเพราะว่าไม่มีที่จอดรถและไม่มีรถสาธารณะผ่าน และนั้นเป็นบทเรียนหนึ่งที่คุณไพโรจน์ได้รับมาจากการเปิดตลาดในครั้งนั้น ทำให้ในปัจจุบันคุณไพโรจน์ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาและความสะดวกสบายให้กับร้านค้าและลูกค้ามาก คุณไพโรจน์เล่าว่า เขาได้ใช้ชีวิตเหมือนกับแพทย์สนาม (ทีมงาน) คนหนึ่งเขาจะลงไปตรวจความเรียบร้อย ดูทั้งเรื่องความสะอาด และการดูความเป็นอยู่ของพ่อค้าแม่ค้า ถ้าเจอ Death Zone (โซนที่คนเดินไปไม่ถึง) คุณไพโรจน์ก็จะหาวิธีแก้ปัญหา เช่น เพิ่มที่นั่งเพื่อให้คนสามารถเดินไปถึงโซนตรงนั้นได้
👉 ไม่ได้มองว่าออนไลน์เป็นคู่แข่ง
ในการค้าขาย หลายคนอาจจะคิดว่าถ้าทำการประชาสัมพันธ์ (PR) ดี ขายออนไลน์ได้ แล้วทำไมจะต้องมาลงตลาด คุณไพโรจน์มองว่าการจะทำธุรกิจให้ยั่งยืนออนไลน์และออฟไลน์ต้องไปด้วยกัน พื้นที่ตลาดเป็นพื้นที่ที่มีมนต์เสน่ห์ กล่าวคือเมื่อมาตลาดเราจะได้เห็นอาหารทำต่อหน้า ได้ยินเสียง ได้ดมกลิ่น ได้รอคิว ต่างกับออนไลน์ที่กดสั่งมาแล้วได้รับมาเป็นอาหารแช่แข็งหรือเป็นกล่องอุ่น ๆ
🎯 สรุป ร้อยล้านอยู่ไม่ไกล ทำตลาดยังไงให้ได้ร้อยล้านจากกรณีศึกษา JODD Fairs
จากการนั่งฟังบทสัมภาษณ์ของคุณไพโรจน์ เราอาจสรุปได้ว่าในการที่จะทำตลาดให้ประสบความสำเร็จ เราต้องมี ‘ความกล้าและความเข้าใจทิศทางของตลาด’ ถ้าเจ้าของตลาดเข้าใจพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างดี พ่อค้าแม่ค้านี่แหละคือผู้ที่จะสร้างความโดดเด่นของสินค้าและการบริการที่มีคุณภาพจนดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาอีกซ้ำ ตลาดก็จะมีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา ผลดีก็มีทั้งต่อเจ้าของตลาด ผู้ค้า รวมถึงลูกค้าก็ได้รับความประทับใจอย่างดี
ที่มา:
บทสัมภาษณ์คุณไพโรจน์
https://www.youtube.com/watch?v=rmadj4H6LW0
https://readthecloud.co/video/jodd-fairs/