Spread the love

การที่จะลงทุนอะไรสักอย่างก็ต้องมีการประเมินว่าธุรกิจของเราควรไปในทิศทางไหน การคำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปก็สำคัญเพราะนั้นเป็นสิ่งที่จะตัดสินว่าธุรกิจจะสามารถไปต่อได้หรือไม่ หากได้ไม่คุ้มกับที่เสียไป ธุรกิจควรที่จะประเมินกลยุทธ์ใหม่


บทความนี้จะทำให้คุณคลายข้อสงสัยที่ว่าทำไมผู้ค้ายอมเสียค่า GP แต่มองว่าค่าเช่าที่ตลาดแพง และตลาดควรทำอย่างไรเพื่อที่จะให้ผู้ค้าของตนมองว่าการเสียค่าเช่าที่ให้กับตลาดดีกว่าการเสียค่า GP

ทำไมถึงมีการเรียกเก็บค่าเช่าที่ตลาด?


ค่าเช่าที่ตลาดเป็นค่าบำรุงสาธารณูปโภคต่างๆ ภายในตลาด เช่น ค่ารักษาความปลอดภัย ค่าทำความสะอาด ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ทำให้ค่าเช่าที่ตลาดกลายเป็นรายได้หลักในการรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว

ค่า GP คืออะไร?

GP ย่อมาจากคำว่า “Gross Profit” เป็นค่าบริการที่ระบบร้านจ่ายให้กับแพลตฟอร์ม ในจำนวนที่แตกต่างกันไป หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าค่าธรรมเนียม ค่า GP ของแต่ละแพลตฟอร์มจะแตกต่างกันออกไปซึ่งเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30-35% (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยเจ้าของแพลตฟอร์มจะมอบสิทธิพิเศษให้กับร้านที่เข้าร่วม


ค่า GP จึงถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งที่ร้านค้าต้องแบกรับหากต้องการขายสินค้าหรือใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน โดยค่า GP นี้จะถูกนำไปใช้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของแอปพลิเคชัน เช่น ค่าพัฒนาระบบ ค่าการตลาด ค่าขนส่ง เป็นต้น

ยอมเสียค่า GP แต่มองว่าค่าเช่าที่ตลาดแพง?

  1. คิดว่าค่าเช่าที่ตลาดแพงกว่าค่า GP ค่าเช่าที่ในปัจจุบันมีราคาสูงมาก
    ในมุมมองของผู้ค้าแล้วค่าเช่าที่ตลาดเป็นค่าเช่าที่จำเป็นต้องจ่ายอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะขายได้หรือไม่ก็ต้องเสียค่าเช่าเป็นรายวัน รายเดือนต่างกับค่า GP ที่จะหักก็ต่อเมื่อมีการค้าขาย
    เมื่อมองในการดำเนินธุรกิจแล้วการจำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าเป็นเงินก้อนให้กับตลาดจึงให้ความรู้ว่ามันแพงกว่าค่า GP มาก โดยเฉพาะในทำเลที่มีการแข่งขันสูง เช่น ย่านใจกลางเมือง หรือย่านการค้าสำคัญ ค่าเช่าที่อาจสูงถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาทต่อเดือน ในขณะที่ค่า GP ของแพลตฟอร์มสั่งอาหาร delivery อาจอยู่ที่ประมาณ 30-35% ของราคาขายสินค้าหรือบริการ
  2. ควบคุมราคาขายได้มากกว่า
    ผู้ค้าหลายท่านจะคิดว่าหากค่า GP สูงตนเองก็สามารถควบคุมราคาได้โดยการเพิ่มราคาให้ต่างจากหน้าร้าน เพื่อให้ของที่ขายมีราคาสูงขึ้นเพื่อชดเชยค่า GP
    แต่ในขณะที่ค่าเช่าที่บางครั้งพ่อค้าแม่ค้าอาจไม่มีอิสระในการกำหนดราคามากนักเพราะเป็นนโยบายของตลาด
  3. คิดว่าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า
    คนมาเดินตลาดหลายครั้งหากเราได้แผงในทำเลที่ไม่ค่อยดี คนอาจเดินมาแต่มาไม่ถึงร้าน ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามองว่านี่อาจเป็นข้อดีหากนำเอาร้านค้าเข้าแพลตฟอร์มเพราะจะทำให้ลูกค้าเห็นร้านเราได้มากกว่า
    แต่เอาเข้าจริงแล้วปัจจุบันแพลตฟอร์มต่าง ๆ เริ่มเก็บค่าบริการในการแสดงผลต่อกลุ่มลูกค้าแล้ว

เมื่อผู้ค้าคิดว่าการยอมเสียค่า GP นั้นดีกว่าการเสียค่าเช่าที่ตลาด ฉะนั้นตลาดควรทำอย่างไรเพื่อให้ผู้ค้าคิดว่าการที่เสียค่าเช่าที่ให้กับตลาดเป็นการเสียที่คุ้มค่า จากปัจจัยข้างต้นที่เป็นปัจจัยให้ผู้ค้าเปลี่ยนมาเสียค่า GP สิ่งที่ตลาดควรปรับมีดังนี้

1.  สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับตลาด

บรรยากาศของตลาดต้องน่าดึงดูดเพื่อดึงกลุ่มลูกค้าเข้าตลาด เช่น มีการจัดแสงไฟให้สว่าง มีการตกแต่งที่สวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นต้น

2.  ให้การสนับสนุนผู้ค้า

ตลาดสามารถให้การสนับสนุนด้านการตลาดและการขายให้กับผู้ค้า เช่น การทำประชาสัมพันธ์หรือโฆษณาให้กับร้านค้า การให้คำแนะนำในการวางแผนการตลาดและการขาย เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้กับผู้ค้าและทำให้ผู้ค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น

3.  สร้างโอกาสในการขายที่มากกว่า

ค่า GP ที่ผู้ค้าต้องเสียให้กับแพลตฟอร์มออนไลน์นั้น ขึ้นอยู่กับยอดขายที่ร้านค้าได้รับ ยิ่งขายมาก ยิ่งเสียมาก ดังนั้น ตลาดควรสร้างโอกาสในการขายที่มากกว่าให้กับร้านค้า เพื่อให้ร้านค้าสามารถขายสินค้าหรือบริการได้มากยิ่งขึ้น และทำให้ค่า GP ที่ผู้ค้าต้องเสียลดลง ตลาดสามารถทำได้โดยการจัดโปรโมชั่น กิจกรรม หรืออีเวนต์ต่างๆ ที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการตลาดมากขึ้น เช่น การจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าหรือบริการ การจัดเทศกาลอาหารหรือสินค้าต่างๆ การจัดคอนเสิร์ตหรือการแสดงต่างๆ เป็นต้น 

ที่มา : https://www.wongnai.com/business-owners/delivery-gross-profit  

https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=S-xENyDd5PA

https://www.thaifranchisecenter.com/document/show.php?docuID=890