ตลาดนัด ตลาดสด รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์ ธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับเจ้าของธุรกิจได้อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่มั่นคง และเติบดตได้เป็นอย่างดีในระยะยาว

แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจนั้นแล้ว ในการทำธุรกิจจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องของ ภาษี ให้ถูกต้อง เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะหากว่าเจ้าของตลาดเริ่มต้นได้ไม่ดีอาจจะส่งผลกระทบกับธุรกิจทั้งทางกฎหมาย ทางการบริหาร รวมถึงอาจทำให้ต้องเสียภาษีที่มากเกินควร

สำหรับบทความนี้จะพาไปเจาะลึกเกี่ยวกับ ภาษีเงินได้ รวมถึงภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจตลาดนัด ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้และต้องจ่าย เพื่อให้การทำธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น

ภาษีเงินได้ คืออะไร

ภาษีเงินได้ คือ ภาษีที่จัดเก็บจากรายได้ของบุคคล องค์กร โดยมีอัตราการเสียภาษีที่ถูกกำหนดไว้โดยรัฐบาล โดยภาษีเงินได้ที่รัฐบาลจัดเก้บจะถูกนำไปใช้สนับสนุนบริการสาธารณะต่าง ๆ ฯลฯ

โดยผู้มีรายได้ทุกคนจะต้องจ่ายให้กับรัฐบาลตามกฎหมายภาษีเงินได้ พ.ศ. 2469

ภาษีเงินได้ มีกี่ประเภท

ภาษีเงินได้ถือเป็นภาษีหลักที่เจ้าของตลาดต้องชำระ โดยแบ่งออกเป็นสองรูปแบบขึ้นอยู่กับประเภทการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ ภาษีเงินได้นิติบุคคล

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สำหรับตลาดที่จดทะเบียนประเภทบุคคลธรรมดา รายได้ที่ต้องเสียภาษี เงินได้ มีดังนี้

• รายได้จากการให้เช่าพื้นที่ในตลาด
• รายได้จากค่าบริการ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าทำความสะอาด
• รายได้จากการขายสินค้า (ในนามบุคคล)

การยื่นภาษี

• การยื่นภาษีแบบ ภ.ง.ด.90 รายได้จากหลายแหล่ง
•  ภ.ง.ด.91 รายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว
• ทำการยื่นปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป

2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ธุรกิจหรือตลาดที่ดำเนินการจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายในนามบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน

การยื่นภาษี

• ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 50 (สิ้นปี) และ ภ.ง.ด. 51 (กลางปี)
• อัตราภาษีปกติ: 20% ของกำไรสุทธิ (แต่มีสิทธิประโยชน์สำหรับ SME รายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี)

หมายเหตุ: หากตลาดมีการจดทะเบียนเป็นบริษัท (เช่น ตลาดคอมมูนิตี้มอลล์) จำเป็นต้องจัดทำบัญชีและงบการเงินอย่างถูกต้องตามมาตรฐานบัญชี

ประเภทของภาษีที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจตลาด

1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จะจ่ายก็ต่อเมื่อรายได้ของตลาดเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เจ้าของตลาดจะต้องทำการจดทะเบียนภาษีมุลค่าเพิ่ม และมีหน้าที่เรียกเก็บเงินจากผู้เช่า 7% (ในกรณีที่มีการออกใบกำกับภาษี)

• เจ้าของตลาดจะต้อง ยื่นแบบ ภ.พ. 30 ทุกเดือน
• จ่าย VAT ที่เก็บได้ให้กรมสรรพากร ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

2. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

ในกรณที่เจ้าของตลาดมีการจ้างบุคคลหรือบริษัทมาทำงาน เช่น แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย คบเก็บขยะ ฯลฯ จะต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่าจ้างก่อนจ่ายเงิน

• ส่งสรรพากรพร้อมแบบ ภ.ง.ด. 1, 3 หรือ 53 ขึ้นอยู่กับประเภทผู้ให้บริการ

3. ภาษีป้าย

ในกรณีที่ตลาดมีการติดป้ายชื่อ ป้ายโฆษณา หรือป้ายหน้าร้าน จะต้องเสีย ภาษีป้าย ตามขนาดและประเภทของป้าย

• โดยการคำนวณตามขนาด (ตารางเมซนติเมตร) และเนื้อหาในป้าย
• จะยื่นชำระกับเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี

4. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

เจ้าของตลาดที่ครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ ต้องเสียภาษีตาม “มูลค่าเพิ่ม” ของทรัพย์สิน

• อัตราภาษีขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งาน เช่น พาณิชยกรรม
• วิธีการคำนวณ (มูลค่าที่ดิน + มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง) x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย
• จะต้องทำการยื่นภาษีกับสำนักงานเทศบาลหรืออบต.พื้นที่ภายในเดือนเมษายนของทุกปี

การทำธุรกิจตลาดมีภาระภาษีหลายประเภทที่เจ้าของต้องรู้และต้องทำการบริหารให้ดี ไม่ว่าจะเป็นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหัก ณ ที่จ่าย รวมถึงภาษีอีกหลาย ๆ อย่างที่เจ้าของตลาดต้องให้ความสำคัญ ในการทำธุรกิจนั้นหากมีการจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง นอกจากจะลดความเสี่ยงทางกฎหมาย ยังช่วยให้บริหารตลาดได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น

การจัดการภาษีเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจตลาดนัดและตลาดสดดำเนินไปอย่างถูกต้องและมั่นคง เจ้าของตลาดควรมีความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้และประเภทภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวางแผนการบริหารจัดการภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจในระยะยาว

Myket Pro ตัวเลือกสำคัญที่เจ้าของธุรกิจเลือกใช้ในการบริหาร  เพราะเราเป็นโปรแกรมช่วยบริหารตลาด ที่คิดมาเผื่อเจ้าของตลาดโดยเฉพาะ ทั้งช่วยดูแลระบบการจ่ายเงิน ระบบการเก็บเงิน การออกบิลต่าง ๆ ไม่เพียงแค่นั้นยังช่วยดูแลเรื่องการจัดการแผงค้าภายในตลาดได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมบริหารตลาด คอมมูนิตี้มมอลล์ที่ตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ มีฟีเจอร์ที่รองรับการทำงานของตลาด และคอมมูนิตี้มมอลล์โดยเฉพาะ ที่สำคัญเราคิดค้นและพัฒนาโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การทำงาน และการดูภาพรวมของธุรกิจง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น